ศูนย์ให้คำปรึกษาธุรกิจและกฎหมาย เอแบค
ศูนย์ให้คำปรึกษาธุรกิจและกฎหมาย เอแบค
“ยุคนี้เป็นยุคทองของนักกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย” เป็นส่วนหนึ่งของคำกล่าวเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาธุรกิจและกฎหมาย มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดย ภราดา ดร.บัญชา แสงหิรัญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
หากนำคำกล่าวนี้มาเทียบดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเห็นภาพได้ชัดเจนว่าสังคมธุรกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือหนึ่งสำหรับการทำธุรกิจมีมานานแล้ว เพื่อความเป็นธรรมระหว่างคู่ค้า คู่สัญญาที่ร่วมกันทำธุรกรรมใดๆ
เนื่องจากกฎหมายเป็นตัวกลางที่สามารถบ่งชี้ถึงข้อจำกัดระหว่างการทำได้และทำไม่ได้การทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงมีบทลงโทษที่ชัดเจนต่อผู้กระทำการขัดขืนกฎเกณฑ์ดังกล่าว ทำให้นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไปลดความกังวลในการติดต่อทำธุรกรรมระหว่างกัน รวมถึงหน่วยงานของรัฐที่สามารถเลือกใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการควบคุมกระบวนการทำธุรกิจของภาคเอกชนให้อยู่ในกรอบจริยธรรมอันดีต่อสังคมโดยรวมอีกทางหนึ่ง
ภราดา ดร.บัญชากล่าวว่า ในฐานะสถาบันอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มีหน้าที่สำคัญคือเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้ แต่ไม่ใช่เป็นที่เก็บความรู้ไว้แบบเดียวกับพิพิธภัณฑ์ การพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อความรู้ใหม่จากการทำงานวิจัยต่างๆ เป็นสิ่งที่ต้องทำ
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ก่อตั้งมาแล้ว 40 ปี ขณะที่บัณฑิตวิทยาลัยบริหารธุรกิจก็เปิดการเรียนการสอนมากกว่า 24 ปี ถือเป็นอีกสถาบันหนึ่งที่สั่งสมองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารธุรกิจมายาวนาน สั่งสมองค์ความรู้เกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจยุคใหม่ของประเทศไทย
เนื่องจากโลกในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องใช้องค์ความรู้ที่เกี่ยวเนื่องกันในการปฏิบัติงานวางแผนในฐานะสถาบันการศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญจึงมีหน้าที่รับใช้ประเทศชาติโดยการนำความรู้ที่อยู่นำออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเนื่องจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมีความโดดเด่นด้านการศึกษาทางธุรกิจ รวมทั้งมีคณะนิติศาสตร์ จึงมีแนวคิดที่จะนำเอาความรู้ที่จำเป็นของทั้งสองศาสตร์นี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยจัดตั้งเป็น “ศูนย์ให้คำปรึกษาธุรกิจและกฎหมาย มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ” (ABAC Business Legal Advisory Center)
“เพราะหลายคนรู้เรื่องธุรกิจแต่ไม่มีความรู้ทางกฎหมายการเปิดศูนย์ฯแห่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยให้อาจารย์ที่มีความชำนาญทางกฎหมายช่วยคนเหล่านี้ ถือเป็นการบริหารจัดการองค์ความรู้ของทางมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็นการนำความรู้ที่มีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม” ภราดา ดร.บัญชาสรุป
อาจารย์ วีรศักดิ์ อนุสนธิวงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ให้คำปรึกษาธุรกิจและกฎหมาย มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน กฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตเรามากขึ้นตั้งแต่เกิด แต่นักธุรกิจบางส่วนโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังขาดความรู้ ความเข้าใจทางด้านกฎหมายธุรกิจ ซึ่งมีส่วนสำคัญ ในการปรับกระบวนการธุรกิจให้อยู่รอดในภาวะผันผวน
ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการต่อรองธุรกรรมกับธนาคาร ภาษีอากร คู่ค้าต่างๆ เป็นปัญหาสำคัญที่นักธุรกิจต้องเผชิญ ศูนย์ฯ แห่งนี้จึงจะมาทำหน้าที่ให้คำปรึกษา โดยคณาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โดยบริการต่างๆ ที่มีนั้นไม่คิดค่าใช้จ่าย ถือเป็นการบริการที่ทางมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มอบให้กับสังคม
ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ให้รายละเอียดการให้บริการของศูนย์ฯ แห่งนี้ว่า สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายแพ่ง การซื้อขาย การผิดสัญญา การปรับโครงสร้างหนี้ หรือจะเป็นเรื่องการถ่ายโอนทรัพย์สินในธุรกิจครอบครัวซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของนักธุรกิจในประเทศไทย ยกตัวอย่างเรื่องการถูกฟ้องล้มละลาย ทางศูนย์ฯ สามารถให้แนวคิดในการผ่อนปรนเรื่องเวลาให้กับธุรกิจ เพราะสำหรับนักธุรกิจแล้ว การมีเวลามากขึ้นก็สามารถช่วยให้เขาหาเงินมาชำระหนี้ได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คำปรึกษาที่ได้ไปเป็นเสมือนคำแนะนำที่ต้องนำไปปฏิบัติต่อ จึงไม่ใช่เป็นศูนย์ครบวงจรที่สามารถจัดการทุกอย่าง แต่สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับที่ปรึกษาทางกฎหมาย หรือเป็นการทบทวนความคิดเห็นสำหรับนักธุรกิจในปัญหาที่เผชิญอยู่
อ.วีรศักดิ์ กล่าวถึงงานวิจัยทางด้านกฎหมายที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญทำอยู่ว่า เป็นการวิจัยในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายในประเทศไทย เช่น กฎหมายประกันภัยทางทะเล ที่ประเทศไทยยังไม่มี หากใช้กฎหมายของประเทศอังกฤษอยู่ทางคณาจารย์และนักศึกษาก็จะร่วมกันทำวิจัยถึงข้อดีข้อเสียของการมีกฎหมายดังกล่าวหรืออย่างเช่น กฎหมายล้มละลายที่มีอยู่ในปัจจุบันมีความเหมาะสมควรแก้ไขตรงจุดใดหรือไม่ หรือกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เรามีโทษจำคุกอยู่ด้วยนั้นผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
โดยงานวิจัยเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาองค์ความรู้ที่ทางมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมุ่งมั่นพัฒนา รวมถึงใช้เป็นฐานข้อมูลในการให้บริการต่อสังคมในอนาคต
ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ให้คำแนะนำต่อนักธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายว่า มีกฎหมายที่นักธุรกิจควรรับรู้อยู่ 3 เรื่องคือ เรื่องที่เกี่ยวกับการจ้างงาน การเลิกจ้าง การปรับเปลี่ยนตำแหน่ง เพราะปัจจุบันมีคดีขึ้นศาลแรงงานมากขึ้น เรื่องที่สองคือ กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร ที่ธุรกิจต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว และ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การทำสัญญานิติกรรมต่างๆ ตัวอย่างเช่น การส่งอีเมลคุยกันตกลงว่าจ้างกันถือเป็นสัญญา เป็นสิ่งที่นักธุรกิจควรรับรู้
นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังมีแผนงานจัดฝึกอบรมให้กับนักธุรกิจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายธุรกิจ โดยอาจจัดเป็นหลักสูตรสั้นๆ ให้ความรู้กับผู้ที่สนใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้บริการ สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของศูนย์ได้ที่ เอแบคซิตตี้ แคมปัส ห้างสรรพสินค้าเซ็น เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 14 หรือ โทรไปที่ 02 100 9115-8 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-17.00 น. โดยทางศูนย์ฯ จะนัดวันเชิญผู้เชี่ยวชาญกฎหมายในแต่ละด้านมาให้คำปรึกษากับผู้เข้ามาใช้บริการ
แหล่งที่มา : วารสาร MBA (Vol. 11 No. 124 July 2009) หน้า 124-125