onwin
30. Assumption University “Leader for International Program”

 

มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (Assumption University) เป็นมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยมูลนิธิเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย และเป็นองค์กรที่มิได้หวังผลกำไรตอบแทน ใน พ.ศ. 2512 มูลนิธิฯ ได้ขยายการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาที่เน้นภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอนแห่งแรกของประเทศไทยขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “Assumption School of Business” (ASB) และ พ.ศ. 2515 สถาบันได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการและใช้ชื่อใหม่ว่า “วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ” (Assumption Business Administration College-ABAC) ต่อมาใน พ.ศ. 2533 ทบวงมหาวิทยาลัยจึงอนุมัติให้เปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัย และใช้ชื่อว่า “มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ” (Assumption University- Au) จนถึงปัจจุบัน เป้าหมายหลักของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คือการมุ่งมั่นที่จะพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนมาตั้งแต่ครั้งในอดีตซึ่งมีเพียงคณะบริหารธุรกิจเพียงคณะเดียวจนกระทั่งปัจจุบันมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญสามารถเปิดสอนในสาขาวิชาต่างๆ ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการเรียนการสอน อีกทั้งยังได้ปรับปรุงระบบการศึกษาให้เป็นตามมาตรฐานสากล และเป็นสังคมนานาชาติ (International Community) ซึ่งมีการผสมผสานระหว่างความหลากหลายทาง

เชื้อชาติ ศาสนา สิลปวัฒนธรรม และประเพณี ทำให้นักศึกษาได้มีโอกาสสัมผัสและชื่นชมสิลปวัฒนธรรมและอารยธรรมทั้งของตะวันตกและตะวันออก ซึ่งปัจจุบันมีนักศึกษาและคณาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมากกว่า 80 ประเทศ

ภราดา ดร. บัญชา แสงหิรัญ อธิการบดี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า รางวัล PM’s Export Award 2008 นี้นับเป็นรางวัลที่ 2 ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญที่ได้รับจากกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งครั้งแรกได้รับไปเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา หากมองในแง่ของอุตสาหกรรม การส่งสินค้าไปขายต่างประเทศ เราก็จะได้เงินดอลลาร์กลับมา แต่สำหรับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ไม่ใช่เพียงแค่ค่าหน่วยกิต เพราะเราเป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไร แต่เป็นเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศ การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของนักศึกษาชาวต่างชาติ ที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กินอาหารไทย ซื้อสินค้าไทย ธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ก็ได้รับประโยชน์ตามไปด้วย ถือเป็นการช่วยเรื่องเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกจากนี้นักศึกษาที่เรียนจบไปแล้วก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนไทย รู้จักอาหารไทย และมีโอกาสนำประสบการณ์ต่างๆ เหล่านี้กลับไปยังประเทศบ้านเกิดอีกด้วย

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมีระบบการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ (International Program) ทั้งหมดมีนักศึกษาหลากหลายชาติ เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย รัสเซีย ภูฏาน ทิเบต ฯลฯ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านที่เราให้การช่วยเหลือ เช่น ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา ซึ่งเป็นการสร้างพันธมิตรระหว่างชาติ ถือเป็นการรับใช้ประเทศชาติอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ก็มีส่วนช่วยเหลือมหาวิทยาลัยในเรื่องของการเปิดตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ มากขึ้น และสิ่งที่เน้นย้ำเสมอคือเราเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร แม้ว่าเราจะทำงานแบบนักธุรกิจ แต่เราไม่ทำธุรกิจกับการศึกษา ดังนั้นเงินทุกบาทที่ได้มาจึงเป็นการนำกลับไปใช้พัฒนาการศึกษา ปรับปรุงสถานที่เพื่อบรรยากาศเรียนที่ดี คุณภาพของบุคลากรเจ้าหน้าที่ และปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การเรียนการสอนให้ทันยุคสมัยตลอดเวลา ซึ่งนับเป็นการลงทุนทางการศึกษาที่ใช้เงินทุนจำนวนมากมายมหาศาล เพื่อผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพออกสู่สังคมโลก

 

แหล่งที่มา : วารสาร Strategy+Marketing (Vol.7 Issue 81, 2008) หน้า 92