สารจาก ภราดา ดร. บัญชา แสงหิรัญ
หนังสือ 80 ปี เจษฏาจารย์ ประทีป มาร์ติน โกมลมาศ ฝากไว้ในแผ่นดิน
เมื่อเอ่ยถึง ภราดา มาร์ติน ประทีป โกมลมาศ ทุกคนที่รู้จักท่านจะต้องนึกถึงโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) แต่ระหว่างสองสถาบันการศึกษานี้ ท่านจะถูกกล่าวขานมากที่สุดเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เพราะตลอดชีวิตนักบวชในการรับใช้พระศาสนา และการจัดการศึกษาของท่าน ท่านใช้ชีวิตในการทำงานที่สถาบันการศึกษาแห่งนี้นานที่สุด และได้ฝากชิ้นงานสถาปัตยกรรม ปฏิมากรรมและจิตรกรรมอันเป็นอมตะไว้กับแผ่นดินไทย คือ การก่อสร้างมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ ขึ้นมาจากพื้นที่อันเป็นทุ่งนา และการทำการเกษตรที่ไม่มีใครนึกฝันว่าจะกลายเป็นชุมชนการศึกษาที่เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสถานที่ศึกษาดูงานด้านการบริหารอุดมศึกษาของประเทศ
ในปีการศึกษา 2556 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้กำหนดจัดงานเฉลิมฉลองให้กับบราเดอร์ มาร์ติน ในโอกาสที่ท่านมีอายุครบ 80 ปี วันที่ 22 ธันวาคม 2556 งานแรกจะเป็นงานที่เชิญคณะสงฆ์ คณะนักบวชชาย หญิง มาร่วมโมทนาคุณพระเป็นเจ้าที่ได้โปรดประทานบราเดอร์ มาร์ติน มาเป็นของขวัญให้พระศาสนจักร คาทอลิกประเทศไทย และเป็นของขวัญให้กับภราดาคณะเซนต์คาเบรียล ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 ตรงกับวันฉลองนักบุญ มาร์ติน เดอร์ ตูรส์ นักบุญองค์อุปถัมภ์ของท่าน และในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2556 จะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองแสดงความยินดีต่อบราเดอร์ มาร์ติน อันเป็นการร่วมมือกันระหว่างศิษย์เก่าของสถาบันในเครือมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียล
โดยส่วนตัวแล้วข้าพเจ้าได้รู้จักบราเดอร์ มาร์ติน เมื่อครั้งที่ท่านได้ไปประจำอยู่ที่บ้านฝึกอบรมของยุวชนที่สมัครมาทดลองใช้ชีวิตขั้นต้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ท่านมาช่วยสอนการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ ข้าพเจ้าจึงถือได้ว่าเป็นศิษย์ของท่านตั้งแต่ยังเป็นเด็กอยู่ต่อมาได้พบท่านอีกครั้งหนึ่ง เมื่อท่านเป็นเจ้าคณะเซนต์คาเบรียลแขวงประเทศไทย ท่านนอกจากจะสนใจ ในด้านการศึกษาแล้วยังเป็นศิลปินที่ชอบดนตรี และในพิธีทางศาสนาท่านจะส่งเสริมให้มีการร้องเพลงประสานเสียงในโอกาสต่างๆ
ท่านเป็นผู้มีความคิดยาวไกล และวางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ พยายามเตรียมบุคลากรนักบวชทั้งทางด้านวิชาการและชีวิตนักบวช ได้ส่งเสริมนักบวชตามพรสวรรค์ที่แต่ละคนมี และตามจิตตารมณ์ของผู้ก่อตั้งคณะฯ ท่านเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เมื่อท่านมอบหมายงานให้ทำแล้ว ท่านให้ความไว้วางใจผู้นั้น พฤติกรรม ความคิด และวิสัยทัศน์ของท่านสะท้อนถึงการมีภาวะผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงและผู้นำที่มีบารมี (Charismatic and Transformational Leadership) ตามที่ Andrew J. Dubrin (2013) กล่าวไว้ทุกประการ คือ ท่านเป็นผู้นำและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ในมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เพราะท่านเป็นผู้นำที่มีลักษณะพิเศษและเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงในขณะเดียวกัน มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล (Visionary) มีความสามารถในการสื่อสารให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องได้เห็นและเข้าใจในสิ่งที่ท่านได้วาดฝันไว้ (Masterful Communication Skills) และสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมงานเกิดความรู้สึกว่าเราสามารถจะทำได้สำเร็จ (Make Group Members Feel Capable) มีพลังและมุ่งมั่นในการทำงาน (Energy and Action Oriented) มีบุคลิกภาพสุภาพและอบอุ่น (Warmth) โดยท่านใช้วิธีการกระตุ้นให้เราเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายประการ เช่น ส่งเสริมให้ผู้คนเกิดความตระหนัก (Raises People’s Awareness) ให้มองข้ามผลประโยชน์ส่วนตน (Look Beyond Self-interest) ช่วยให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องบรรลุถึงความสำเร็จแต่งตน (Self-Fulfillment) และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง (Need for Change) โดยมุ่งถึงความสำเร็จหรือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ (Committed to Greatness) และสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน (Build Trust) ด้วยภาวะผู้นำเช่นนี้ จำทำให้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเจริญก้าวหน้า และมีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อันที่จริงแล้วในฐานะของความเป็นนักบวช เรามีโอกาสได้พบปะสังสรรค์กันบ่อย แต่ในการพบปะที่ข้าพเจ้าพูดถึง เป็นการพบปะที่ต้องทำงานร่วมกัน และอาศัยอยู่ใต้ชายคาเป็น Community เดียวกัน ต่อมาข้าพเจ้าได้มีโอกาสมาทำงานร่วมกันเมื่อท่านได้มาดำรงตำแหน่งอธิการบดีของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และข้าพเจ้ามารับตำแหน่งรองอธิการบดี จากการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับบราเดอร์ มาร์ติน ทำให้รู้จักนิสัยใจคอของท่านพอประมาณ ได้เรียนรู้ความคิดและวิธีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชีวิตการทำงาน ชีวิตนักบวช ชีวิตสังคม แม้แต่ชีวิตส่วนตน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา การพักผ่อนหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้ได้ซึมซับหล่อหลอมและมีอิทธิพลต่อข้าพเจ้ามาก ท่านเป็นต้นแบบ (Role Model) ให้ได้ศึกษาเรียนรู้อย่างน่าสนใจ ในวงสนทนาท่านนำเรื่องที่ท่านอ่านมา หรือเรื่องจริงที่ท่านได้พบเห็น มาตั้งเป็นประเด็นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอยู่เสมอ ท่านเป็นผู้มีใจโอบอ้อมอารี และเอาใจเขามาใส่ใจเรา ชีวิตของท่านเป็นชีวิตที่น่ายกย่องสรรเสริญ เพราะท่านมิได้ทำคุณประโยชน์ให้กับคณะเซนต์คาเบรียลแขวงประเทศไทยอย่างเดียว ท่านยังช่วยประเทศไทย และช่วยศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ กันโดยไม่คำนึงถึงความยากลำบากหรือเหนื่อยยากใดๆ จวบจนบัดนี้ บุคคลที่มีค่าไม่ว่าจะอยู่ไหน ในตำแหน่งใด ก็จะเป็นคนที่มีคุณค่ากับคนที่อยู่รอบข้างเสมอ และนี่ คือ บราเดอร์ มาร์ติน!!
ในโอกาสที่บราเดอร์ มาร์ติน มีอายุครบ 80 ปี ข้าพเจ้าจึงต้องขอบคุณพระเจ้าที่ได้มอบบราเดอร์ มาร์ตินให้เป็นของขวัญอันล้ำค่าให้กับข้าพเจ้า จวบจนบัดนี้ ท่านยังให้คำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา ขอพระเจ้าจงอำนวยพรให้บราเดอร์ มาร์ติน จงมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงได้ปฏิบัติพันธกิจของพระเจ้าสืบไป
ภราดา ดร.บัญชา แสงหิรัญ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ