ถึงเวลาเรียน “สองภาษา”
ถึงเวลาแล้วที่จะต้อง “เร่งรีบ” เปิดโลกให้แก่เยาวชนไทย ให้สามารถสื่อสารกับโลกยุคใหม่ ที่จะต้องเข้าใจวัฒนธรรม เข้าใจเศรษฐกิจ เข้าใจสังคมของประเทศต่างๆ ทั่วโลก การทำความเข้าใจก็ต้องใช้ “ภาษาต่างประเทศ” เพื่อใช้เป็นสื่อกลาง ภาษาที่ควรให้การสนับสนุนคือ ภาษาอังกฤษ เพราะเป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารมากที่สุดในโลก ถือได้ว่า เป็นภาษาสากล ดังนั้น จึงต้องส่งเสริมภาษาอังกฤษ ให้แก่เยาวชนไทยให้มากขึ้น
เนื่องจากความรู้ต่างๆ ถูกบันทึกไว้เป็นภาษาอังกฤษ เมืองไทยยังขาดการแปลเป็นภาษาไทยมาก การรู้ภาษาด้วยตัวเอง จะทำให้มีความคล่องตัวในการอ่าน การค้นคว้าและความสามารถใช้ในการทำงาน การพูด การเจรจา กับคนได้ทุกมุมโลก ที่ทุกวันนี้และในอนาคตจะมีการเชื่อมโยงกันทั้งหมด หากไม่รู้ภาษาอังกฤษที่ดีพอ จะทำให้เสียเปรียบในหลายๆ ด้าน
ทราบมาว่า ทางด้านแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนชาติด้านการศึกษา ได้มีการกำหนดที่จะให้โรงเรียนไทย สอนเป็น “สองภาษา” ภายในระยะ 15 ปี ต่อจากนี้ นับเป็นเรื่องที่ดีและน่าสนับสนุนอย่างยิ่ง ที่โรงเรียนต่างๆ ในประเทศ จะได้กำหนดเป็นนโยบาย ที่ชัดเจน
หากสามารถสอนได้ในระดับนักเรียนหรือเด็กๆ แล้ว เด็กจะเรียนรู้และรับได้อย่างรวดเร็ว จึงเห็นด้วยที่จะให้เริ่มสอนตั้งแต่ระดับโรงเรียน หากปล่อยเลยมาจนถึงระดับมหาวิทยาลัยแล้ว จะเป็นการยาก
สมัยก่อนหน้านี้ ก็เคยมีการเปิดสอนสองภาษามาแล้ว แต่ด้วยเหตุผลทางการเมืองของสงครามเย็นและความกลัวลัทธิการเมือง ทำให้มีการยกเลิกการสอนในระบบนั้นไป นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ยังไม่สายที่จะฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างจริงจัง พร้อมทั้งมีระบบการสอนแบบนานาชาติและระบบการสอนสองภาษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อรองรับอยู่แล้วนี่เป็นแนวโน้มและทิศทางของแนวคิดใหม่ทางด้านการศึกษาที่จะต้องมุ่งสร้างขีดความสามารถการแข่งขันให้ประเทศไทยได้ในอนาคต
สาขาวิชาที่ควรจะส่งเสริม เมื่อมี “ภาษาอังกฤษเป็นตัวนำไปสู่การแสวงหาความรู้” แล้ว แนวคิดใหม่ทางด้านการศึกษาจะสัมฤทธิผลได้ ก็ต่อเมื่อสามารถต่อยอดไปสู่องค์ความรู้ใหม่ๆ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่จะเป็นฐานไปสู่การคิดค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ ต่อไปได้อย่างไม่หยุดนิ่ง
“ภาษาอังกฤษจะเป็นสื่อในการแสวงหาค้นคว้าความรู้ให้กว้างขวาง”
ภราดา ดร.บัญชา แสงหิรัญ
อธิการบดี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค)
แหล่งที่มา คมชัดลึก ประจำวันที่ 24 กันยายน 2551