onwin
Interviews

Conference on the AU UTOWN SIM มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เพิ่มศักยภาพการศึกษา

ดึง UTown ต่อยอดสังคมนักศึกษาออนไลน์ให้สมบรูณ์

Press Conference on the AU UTOWN SIM

On Thursday 9th July 2009 At Salle d'Expo Hua Mak Campus,"A" building

มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เพิ่มศักยภาพการศึกษา ดึง UTown ต่อยอดสังคมนักศึกษาออนไลน์ให้สมบรูณ์ 

หากใครที่ติดตามข่าวสารบนเว็บไซด์ OS ของเรามาตั้งแต่ปีที่แล้วอาจจะพอจำกันได้กับการเปิดตัวโครงการ โลกเสมือนจริง UTown ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และ Digicraft ค่ายเกมออนไลน์ชื่อดังของประเทศไทยเรา โดยเปิดเป็นโดยจำลองสภาพมหาวิทยาลัยเอแบค และให้ผู้เล่นสามารถเข้ามาใช้งาน และร่วมสร้างคอมมมูนิตี้ในเกมได้ ในรูปแบบ Game on Web

และมาถึงวันนี้ ทางมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และดิจิคราฟต์เองก็ไม่ยอมหยุดนิ่ง โดยได้จัดงานแถลงข่าวขึ้นที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก เปิดมิติใหม่แห่งโลกการศึกษา โดยจับมือกับ AIS เปิดตัว "AU UTown SIM" ซิมส์เพื่อการเรียนรู้ ที่ผสานนวรรตกรรมไร้สายมาไว้เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนและการบริหารจัดการ ด้านการศึกษาแบบครบวงจร พร้อมกับพัฒนาให้ UTown โลกสเมือนจริง สามารถตอบสนองกับความต้องการของนักศึกษาทั้งEducation Lifestyle และ Personal Lifestyle

  ภราดา ดร.บัญชา แสงหิรัญ อธิการบดี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ได้กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า "AU UTown SIM ซิมเพื่อการเรียนรู้ รวมถึงเทคโนโลยี ไร้สายต่างๆ ที่จะเป็นช่องทางหลักให้นักศึกษาเชื่อมต่อและมีปฏิสัมพันธ์เข้ามาที่โลกแห่งการเรียนการสอนของม.อัสสัมชัญ ได้อย่างไร้ซึ่งอุปสรรคเรื่องสถานที่และเวลา"

  • บริการจาก AU UTown SIM

  • รับข่าวสารของม.อัสสัมชัญ 

  • รับผลสอบ 

  • รับตารางเรียน 

  • เช็คห้องเรียน 

  • E-Learning ผ่าน TV On Mobile 

  • ใช้ mPAY เป็นช่องทางเติมเงิน ABAC Smart Card

  • ใช้เป็นช่องทางการเงินในบริษัทจำลองของ ABAC UTown

  • เปิดร้าน Telewiz ในโลก Cyber ให้ช็อป ชม ได้เสมือนจริง 

  • ใช้ mPAY ชำระค่าสินค้าและบริการ 

  • บริการอื่นๆ 

     แพ็คเกจโทรหากันฟรีในกลุ่มของนักศึกษาและบุคลากร ม.อัสสัมชัญ รวมถึงแพ็คเกจ Data ราคาพิเศษ Wireless Gadget ให้เชื่อมต่อเข้าสู่โลกแห่งการเรียนรู้ในราคาพิเศษ อาทิ Super 3G Air card, BlackBerry, ฯลฯ โดยนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สามารถติดต่อรับ AU UTown SIM ได้ที่จุดให้บริการของเอไอเอส ในม.อัสสัมชัญ รวมถึงนักศึกษาทุกสถาบันและผู้ที่สนใจ สมัครสมาชิกของ UTown ได้ที่ www.utown.in.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 

Sources : ABACA News

ผ้าอัดแน่น นวัตกรรมใหม่ รางวัลระดับโลก คุณสมบัติเหมือนไม้ ตกแต่งบ้าน :

Assumption University Innovation Creativity and Enterprise Center

แผ่นอัดผ้ายีนส์ GARMENTO คว้ารางวัลนวัตกรรมของ สนช.

ยุทธนา อโนทัยสินทวี
รองชนะเลิศ ออกแบบผลิตภัณฑ์
การออกแบบชิงนวัตกรรมระดับนักออกแบบรุ่นใหม่

ผลงานของ นายยุทธนา อโนทัยสินทวี นักธุรกิจรุ่นใหม่ เพิ่งได้รับรางวัล การออกแบบเชิงสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ด้วยแนวคิดเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นำเศษผ้ามาอัดแน่น ผ่านกระบวนการจากโรงงานผลิตจนมีคุณสมบัติเหมือนกับไม้ที่ใช้ตกแต่งประดับ ปูพื้นบ้าน แทนไม้อัดที่สร้างบ้านได้จริง

ความพิเศษของสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาใหม่นี้ คือ นอกจากจะใช้งานได้จริงแล้ว ยังลวดลายที่สวยงามจากลวดลายของเศษผ้าที่เอามาใช้เป็นวัสดุเพื่อการอัด จึงกลายเป็นของตกแต่ง หรือ ประดับบ้านได้ด้วย ขึ้นอยู่กับว่า เจ้าของบ้านจะต้องการเอามาใช้เพื่อส่วนไหนของบ้าน

นอกจากนั้น ยังเป็นการช่วยลดขยะที่เป็นเศษผ้าจากอุตสาหกรรมทอผ้าที่มีอยู่ในเมืองไทยจำนวนมาก เพราะ ถ้ามีการผลิตเพื่อจำหน่ายในอนาคต ก็จะต้องเอาเศษผ้าที่เหลือใช้ตามโรงงานทอผ้ามาเป็นวัสดุในการทำ โดยผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อไม่ให้มีสารปนเปื้อนของสารเคมีที่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดมะเร็ง และผ่านกระบวนการตามขั้นตอนการผลิตไม้อัดจากโรงงาน ก็จะออกมาเป็นชิ้นงานที่สามารถเอามาจากจำหน่ายได้

จากประสบการณ์ที่ทำงานเกี่ยวกับด้านดีไซด์เสื้อผ้าร่วมกับเพื่อนชาวญี่ปุ่น พบว่า ในการออกแบบเสื้อผ้าแต่ละครั้งมีเศษผ้าเหลือจำนวนมาก ขณะที่ประเทศไทยมีโรงงานเกี่ยวกับการเย็บผ้าอยู่กว่า 2000 โรงงาน ในแต่ละเดือนต้องมีเศษขยะจากผ้าจำนวนมหาศาล จึงเริ่มมีความคิด อยากจะกำจัดขยะเศษผ้า จึงเริ่มต้นด้วยการเอาเศษผ้า หรือ เสื้อผ้ามือสองมาทำเป็นหมวก กระเป๋า ก่อน แต่ขณะที่ทำก็พบว่าเมื่อตัดผ้าเพื่อสร้างชิ้นงานใหม่ ก็ยังมีขยะจากเศษผ้าเพิ่มขึ้นอยู่ดี กลายเป็นว่า ลดขยะจากชิ้นหนึ่ง แต่ไปเพิ่มขยะใหม่อีกหลายชิ้น

จึงคิดว่า ถ้าต้องการลดขยะจริงๆ ก็ต้องเอาเศษเล็กๆ เหล่านี้มาทำประโยชน์อย่างอื่น จึงมองดูจาก ไม้อัดธรรมดาที่ใช้เศษแกลบ ขี้เลื่อย ยังสามารถเอามาอัดได้ ผ้าก็น่าจะทำได้ จึงได้ทดลอง และค้นคว้าข้อมูล ใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่เป็นปีจนพบว่า ผ้าก็สามารถเอามาบีบอัดแน่นได้ และเมื่อบีบอัดจนแน่นแล้ว หากมีน้ำหยดใส่ น้ำจะกลิ้งเหมือนอยู่บนใบบอน ไม่มีการซึมเข้าไปในเนื้อผ้า เพราะ ผ้าที่อัดผ่านกระบวนการที่ว่ามาแล้ว จะมีคุณสมบัติใช้งานจริงแทนไม้ได้

ผลงานนี้ จึงกลายเป็นผลงานต้นแบบที่คิดขึ้นมาแล้วก็ส่งเข้าประกวด จนได้รางวัล Design Innovation Contest 2009 

“ผมดีใจกับรางวัลที่ได้รับ เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมาได้ไกลขนาดนี้ จะได้มายืนอยู่บนเวทีนี้เพื่อรับรางวัล และที่ผมดีใจมากกว่านั้น คือ การได้มีส่วนร่วมทำให้ชาวต่างชาติยอมรับฝีมือคนไทย และยอมให้มีคำว่า เมดอินไทยแลนด์ ติดอยู่บนเสื้อผ้าที่ผมออกแบบ ซึ่งจะวางอยู่ในงานแสดงสินค้าแฟชั่นที่จะมีขึ้นที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในต้นปีหน้า”

จากความพยายามนี้ ทำให้ทางกรมส่งเสริมการส่งออกส่งรายชื่อไปให้กับทางดีไซน์เนอร์ที่ประเทศฝรั่งเศสที่ต้องการคนออกแบบเสื้อผ้ามือสองให้ และก็ได้รับการติดต่อเพื่อขอให้ทำงานส่งให้กับทางฝรั่งเศส โดยที่ครึ่งหนึ่ง ยอมให้ผมใช้แบรนด์ตัวเอง The ReMaker by Yuttana และมีคำว่า เมดอินไทยแลนด์ ติดอยู่บนกระเป๋า เสื้อผ้า หรือสิ่งของต่างๆ ที่ผมออกแบบได้ 

“นั่นเป็นอีกหนึ่งสิ่งผลภูมิใจมาก เพราะที่ผ่านมาชาวต่างชาติมักจะมองว่า คนไทยไม่สามารถออกแบบได้ แต่สินค้าที่ผมส่งไปให้ทั้งหมดจะถูกวางอยู่ที่งานแสดงสินค้าแฟชั่นที่จะมีขึ้นที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนมกราคมปีหน้า (2553) หมายถึงว่า เป็นการได้รับการยอมรับจากชาวต่างชาติว่า คนไทยก็มีฝีมือในด้าการออกแบบไม่แพ้ชาติอื่น”

ทั้งหมดที่ทำให้มีวันนี้ได้ ก็เพราะ ศูนย์สร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจ หรือ Innovation Creativity and Enterprise (ICE) Center จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) เพราะหลังจากที่เข้ามาอบรมที่นี่ ทำให้เรียนรู้ทางด้านการตลาด เปิดตัวเองมากขึ้น เปิดตลาดได้กว้างขึ้น จากเมื่อก่อนจะดีไซน์อยู่เพียงคนเดียว มองมุมเดียว มีลูกค้าเดิมๆ แต่ที่นี่สอนให้คิด และมองในมุมที่กว้างขึ้น ช่วยเหลือและดูแลตั้งแต่วิธีการคิด ช่วยหาแหล่งผลิต ช่วยหาเงินทุน ช่วยส่งเสริมให้รู้วิธีการก้าวกระโดดและมีส่วนผลักดันให้สินค้าที่ผลิตออกมาก้าวสู่ตลาดอินเตอร์

ถ้าไม่ได้รับการบ่มเพราะจาก ICE แนะนำวิธีคิด หรือช่วยผลักดันทุกด้าน ก็คงไม่มีวันนี้ ยังคงเป็นนายยุทธนาที่ออกแบบธรรมดาๆ ไม่มีวันที่แบรนด์ The ReMaker by Yuttana ไปโชว์อยู่ในงานแสดงสินค้าแฟชั่นที่ปารีส 

แหล่งที่มา : เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 18 ฉบับที่ 911 วันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 [หน้า 23] 

 

What about your Chapter 40th : Creativity and Enterprise Center

The president of the very first international university in Thailand and one of the best academic institute in the country attracting students from all over the world.
อธิการบดีของมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งแรกในเมืองไทย ทั้งยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของบ้านเรา ที่นัก-ศึกษาต่างชาติจากทั่วโลกให้ความสนใจเดินทางมาศึกษาต่อมากมาย

Bancha Saenghiran, f.s.g., Ph.D
President Assumption University 


     Every book gives some terrific thoughts to the readers. Even reading novels yields some ideas. It depends on individual perspectives to get what book gives or how to harvest anything from a book. I, personally, choose to read the book I like which answers to the life’s quest or some those benefit my professionalism to manage myself, organization, and even to return something back to society.

    หนังสือทุกเล่มล้วนแล้วแต่มอบสิ่งที่ดีให้แก่คนอ่าน บางคนเลือกอ่านนิยาย ก็ยังได้รับแนวคิดบางอย่าง ทั้งนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่าจะได้ อะไร หรือ อย่างไร จากหนังสือ แต่โดยส่วนตัวแล้วพ่อจะเลือกอ่านหนังสือที่ตัว พ่อชอบ ตอบโจทย์ชีวิต หรือให้ประโยชน์กับการทำงานได้นับเป็นการอ่านเพื่อบริหารตัวเรา บริหารองค์กร และตอบแทนสังคม


     Although I often pick up THE HOLY BIBLE to read from time to time, somehow each time I interpret differently. This is the book containing the Lessons of God for all Christians which, after all, inspire us doing good. It covers all issues in lives as he teaches rules of the universe which really exist and immortal. It has the meaning in itself and to each one in particular at certain time. After all, it teaches human beings to love each other, reminds and shapes your mindset to try doing good things, and follow his paths.
     แม้จะอ่าน THE HOLY BIBLE อยู่เสมอ ๆ แต่การอ่านแต่ละครั้งไม่เคยเหมือนกัน เหล่านี้คือคำสอนของพระเจ้าที่สื่อถึงคริสตชนทุกคน เป็นแรงบันดาลใจให้ทำในสิ่งดี เป็นคำสอนที่ครอบคลุมทุกเรื่องในชีวิต เพราะสิ่งที่พระองค์สอนคือกฎจักรวาลที่มีอยู่จริงและเป็นอมตะ มีความหมายในตัวเองและมีความหมายต่อแต่ละคนและแต่ละข่าวเวลาต่างกัน หากที่สุดแล้ว ก็สอนให้มนุษย์รักกันและกัน เตือนใจ กำหนดใจให้กระทำดี และเดินตามพระเยซูเจ้า


     THE PRESENT : This is an old book which never aged through time. “The Present” has 2 different meanings: the first meaning is “The Gift” that anyone will be happy to receive and greed for more; the second meaning is “The Now” that reminds us to enjoy the current moment of lifetime and make the most meaningful out of it. It’s right to forget the past but we better learn from it, too, in order to plan the future ahead. Once we optimize the present, it will not only be most valuable to ourselves but also to everyone around us as well

      นับเป็นหนังสือเก่าอีกเล่มที่ไม่เคยล้าสมัย THE PRESENT ซึ่งเป็นชื่อหนังสือในที่นี้ มีสองความหมาย อย่างแรกคือ ‘ของขวัญ’ ใครได้รับย่อมดีใจ มีความสุข และอยากได้รับอีก ส่วนอีกนัยหนึ่งคือ ‘ปัจจุบัน’ ซึ่งคนเราควรมีความสุขกับปัจจุบันใช้ชีวิตขณะปัจจุบันให้มีความหมายที่สุด ให้ลืมอดีตก็ถูก อย่างไรก็ดี ต้องเรียนรู้จากอดีตเสียก่อน เพื่อวางแผนอนาคต หากเราใช้ปัจจุบันให้ดีที่สุด จะเป็นคุณค่ามหาศาลต่อตัวเราเองและต่อคนรอบข้างเช่นกัน

How’s your Chapter 40th?

    “To me 40 is the crossroads to walk either the big and comfortable way but leading towards the unsuitable issues or the small way but leading towards the righteousness. Therefore, we have to conquer our own wills. This is the immortal thought already existed on this earth a long, long time ago.”
   “คงถึงทางแยกที่ต้องเลือก ทางเดินใหญ่โตสะดวกสบาย แต่นำไปสู่สิ่งไม่ควร หรือทางเดินเล็กมีอุปสรรคหากเป็นทางที่ควรจะเดิน เราต้องชนะใจตัวเองให้ได้ นี่ไม่ใช่ทฤษฎีของพ่อ แต่คือความเป็นจริงของโลกที่อยู่ยั้งยืนยงมานานแล้ว”

  

  THE HOLY BIBLE   

  THE PRESENT: The Gift Thai

  Makes You Happy and

  Successful at Work and un Kife 

 by Spencer Johnson

 

    

 แหล่งที่มา : What about your Chapter 40th [หน้า 72-73]

Higher Education: Engaging the Knowledge Economy

     ภราดา ดร. บัญชา แสงหิรัญ รักษาการประธาน สออ.แห่งประเทศไทย กล่าวเปิดการประชุมสัมมนาวิชาการ สถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรื่อง “Higher Education: Engaging the Knowledge Economy” เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553 ณ ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารบุญชนะ อัตถากร โดย ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดี ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง Thailand and the Knowledge Economy” และการอภิปรายทางวิชาการ โดยคุณพรทิพย์ กาญจนนิยต ผู้อำนวยการบริหารฟุลไบรท์ ผศ.ดร.วิศาล บุปผเวส ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ดร.นิพนธ์ สุรพงษ์รักษ์เจริญ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รศ.ดร.วิชัย อุตสาหจิต ผู้ดำเนินการอภิปราย ภาคบ่ายมีการนำเสนอบทความ ณ อาคารสยามบรมราชกุมารี ชั้น 6 และชั้น 7

 

แหล่งที่มา : NIDA NEWS (ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2553) หน้า 7